|
คำอุทาน หมายถึงคำพวกหนึ่งที่เปล่งออกมา แต่ไม่มีความหมาย เป็นเพียงแสดงวามรู้สึก อารมณ์ หรือความต้องการของผู้พูดให้ผู้ฟังทราบ คำอุทานแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๑. คำอุทานบอกอาการ เป็นคำอุทานที่ผู้พูดเปล่งออกมาเพื่อบอกอาการ หรือความรู้สึกของผู้กล่าว คำอุทานชนิดนี้แบ่งเป็นหลายพวก ตามอาการต่าง ๆ เช่น แสดงอาการร้องเรียก หรือบอกให้รู้ตัวได้แก่ เฮ้ย ! แนะ ! โว้ย ! เฮ้ ! นี่แนะ ! แสดงอาการโกรธเคือง ได้แก่ ชิชะ ! ดูดู๋ ! อุเหม่ ! แสดงอาการตกใจ ได้แก่ เอ๊ะ ! คุณพระช่วย ! ตาย ! ตาเถน ! ว้าย ! โอ้ ! แสดงอาการประหลาดใจได้แก่ แม่เจ้าโว้ย ! แหม ! อ๊ะ ! โอ ! โอโฮ้ ! ฮ้า ! ว้าว ! แสดงอาการปลอบโยน ได้แก่ พุทโธ่ ! โถ ! โธ่ ! อนิจจา แสดงอาการเข้าใจหรือรับรู้ ได้แก่ อ้อ ! เออ ! อือ ! แสดงอาการเยาะเย้ย ได้แก่ เชอะ ! เอ๊ว ! กิ๊วกิ๊ว ! กุ๋ยกุ๋ย ! แสดงอาการดีใจ ได้แก่ ไชโย ! ๒. คำอุทานเสริมบท คือคำอุทานที่ผู้พูดกล่าวเพิ่มเติมถ้อยคำ หรือเสริมขึ้นเพื่อให้คล้องจอง เท่านั้น โดยไม่ต้องการเนื้อความ เช่น
อาหงอาหาร หนังสือหนังหา
ล้างไม้ล้างมือ ลืมหูลืมตา
กินหยูกกินยา เลขผานาที
ข้อสังเกต ๑. คำอุทานบอกอาการ เวลาเขียนมักนิยมใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์ ( ! ) กำกับไว้หลัง |
คำอุทานนั้น ๒. คำอุทานเสริมบทเป็นคำที่เติมเข้าไปเพียงต้องการให้คล้องจองกันเท่านั้น อาจไม่มี
ความหมายก็ได้
หน้าที่ของคำอุทาน
๑. แสดงอารมณ์ผู้พูด เช่น ชิชะ! บ๊ะ ! เหม่ ! โถ ! อนิจจา ! โอ ! แหม ! ฯลฯ
๒. ใช้เสริมท้ายคำอื่นเพื่อความไพเราะ เช่น เสื่อสาด เสื้อแสง ไม่กินไม่แกน ฯลฯ
และยังใช้เป็นคำสร้อยของคำโคลง เช่น
เสียงฤาเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น